วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

ระดับของการเผยพระวจนะ

เราทุกๆคนต่างผ่านขั้นตอนแห่งการเรียนรู้ในหลายสิ่งหลายอย่าง เช่น การเล่นกีฬา การเรียนดนตรี การฝึกทำอาหาร หรือแม้แต่การใช้ชีวิต เป็นต้น สิ่งที่ดีที่สุดที่เราควรจะเรียนรู้ในสิ่งต่างๆคือ การเรียนรู้พื้นฐาน และจากนั้นฝึกฝนในสิ่งขั้นพื้นฐาน จนเกิดความชำนาญ ผู้ที่ชำนาญการหลายๆสิ่งต่างผ่านระดับการเรียนรู้เบื้องต้นกันทั้งนั้น สั่งสมวันแล้ววันเล่าจนกลายเป็นความชำนาญ และ คุ้นเคย

การเผยพระวจนะก็เช่นกัน หากถ้าเราจะเรียนรู้การเผยพระวจนะ ต้องการคุ้นชินกับเสียงของพระเจ้า ต้องการบอกกล่าวถ้อยคำจากพระทัยพระเจ้า สู่ผู้คนอื่นๆ การต้องคุ้นเคยและสนิทสนมกับพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของแห่งของประทานนี้ พระเจ้าต้องการที่จะสอนเราถึงบทบาทแห่งความเป็นผู้ใหญ่ในการดำเนินกับพระองค์ ในเรื่องของ ความคิด ท่าทีภายใน การจัดการกับอารมณ์ การมีระเบียบวินัยฝ่ายวิญญาณในชีวิต ฯลฯ สิ่งที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับภายในของเรา ซึ่งหากจะเดินตามพระองค์ และเป็นสาวกแท้ของพระองค์แล้ว สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ต้องจัดการเป็นระดับต้นๆของการที่เราจะเป็นสาวกแท้ หรือแม้แต่การจะเดินบนเส้นทางแห่งการเผยพระวจนะเช่นกัน

ในเรื่องระดับของการเผยพระวจนะนั้น มีหลายๆปัจจัยที่ขับเคลื่อนฤทธานุภาพแห่งการเผยพระวจนะตามแต่ระดับต่างๆ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้น "ความรัก" ความรักคือรูปแบบหนึ่งของการทรงสถิตของพระเจ้า การสำแดงความรักออกมาเป็นการเผยพระวจนะนั้น คือการสำแดงพระเจ้าแก่โลกนี้นั้นเอง เพราะพระเจ้าทรงอ่อนโยน ทรงเสียใจกับการกระทำแห่งความบาปของมนุษย์ ยกโทษและอภัยเสมอ และรองรับความกดดันแห่งความบาปทั้งสิ้นไว้ ถึงแม้ว่าพระองค์จะไม่ทรงเป็นแก่หน้าผู้ใดก็ตาม พระองค์ก็ยังคงเป็นความรักและไม่มีอะไรขัดแย้งในพระองค์เอง ไม่มีสิ่งใดที่จะหยุดพระเจ้ามิให้ "รัก" เราได้
หากเราเข้ามาสู่การเผยพระวจนะด้วยการมุ่งเน้น(ให้ความสำคัญ)ที่มิติแห่ง "ความรัก" ของพระเจ้าแล้ว จะเป็นหนทางที่เราเองจะเติบโตในความรักของพระเจ้าอย่างเข้มแข็งและชีวิตเราจะมั่นคง และสามารถมีส่วนช่วยนำพาคนอีกมากมายเข้ามาสู่อ้อมกอดที่จริงใจของพระเจ้า "ความรักนั้นเข็มแข็งดั่งความตาย" โซโลมอนได้พูดไว้ "ความรักยิ่งใหญ่ที่สุด" เปาโลพิสูจน์ไว้แล้ว "พระเจ้าทรงเป็นความรัก" อัครทูตยอห์นปักหลักนี้ให้แก่เราไว้แล้ว...
"กลุ่มสาวกแท้ฝึกฝนที่จะรักพระเจ้าและพี่น้อง และเติบโตขึ้นในของประทานแห่งการเผยพระวจนะ" (1โครินธ์ 14:1)

ท้องทะเลที่กว้างใหญไพศาลนั้นมีสิ่งต่างๆมากมายที่ดำรงชีวิตอยู่ในนั้นที่เรายังไม่รู้จักอีกมากมาย ที่เราเองไม่เคยได้เห็น ไม่เคยได้สัมผัส ภายใต้พื้นน้ำยังคงมีสิ่งที่น่าค้นหาสิ่งใหม่ๆรอเราอยู่เสมอ ไร้ขอบเขต ไร้รูปทรงที่จะคาดคะเนได้ มิติแห่งความเชื่อก็เช่นกัน มีพระพรที่ยิ่งใหญ่อยู่ในนั้น แม้เราอาจจะมองไม่เห็นอะไรอีกมากมายที่อยู่ในนั้น แต่พระเจ้าก็ปรารถนาที่จะสำแดงแก่ลูกๆที่พระองค์ทรงรักอยู่เสมอทุกเชื่อวัน พระเจ้าได้ก่อร่างสร้างมนุษย์ของพระองค์ขึ้นมา ประทานวิญญาณจิตแห่งการพยากรณ์แก่เขา และเรียกเขาโดยชื่อของเขาและแน่นอนทรงเรียกเขาโดยสิ่งที่เขาเป็นด้วย ซึ่งบางคนเป็น"ผู้เผยพระวจนะ"
"ความเชื่อ" ถูกกล่าวว่า เป็นกุญแจสู่การเผยพระวจนะ ใน โรม 12:6 กล่าวว่า จงเผย(พระวจนะ)ตามความเชื่อ บ่อยครั้งที่พระเจ้ามักจะสร้างความเชื่อภายในเราด้วยเหตุการณ์ที่ยากจะเชื่อได้ เพื่อพระองค์จะทรงเค้นให้ความพรสวรรค์ที่สำคัญชิ้นนี้ที่ซ่อนอยู่ภายในเรา(ความเชื่อ)ถูกเขย่าออกมา และเราเองจะไม่เป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในความจำกัดอีกต่อไป นี่คือเหตุที่พระเจ้าทรงพอใจในความเชื่อของเรา และยังทรงประทาน "ความเชื่อ" ที่เป็นของประทานในการทำการอัศจรรย์นี้แก่เราด้วย เพราะเมื่อเราใช้ชีวิตด้วยไม่มีความจำกัดในความเชื่อแล้ว เท่ากับเราไม่ได้จำกัดพระองค์ไว้เช่นกัน โลกจะเห็นสิ่งใหญ่ผ่านชีวิตท่านอย่างชัดเจน...
ผู้เผยพระวจนะ ทำให้สิ่งที่ตามองไม่เห็น หูไม่ได้ยิน นั้น ปรากฏชัดขึ้นในพระกายพระคริสต์ และทั้งกายของพระองค์จะสว่างด้วยแสงแห่งความเชื่อ ในยามที่มึดมิด ความเชื่อเรียกเราให้แสวงหาพระองค์ เมื่อเราพบพระองค์แล้ว ไม่มีสิ่งใดที่เป็นม่านบังตาเราอีกต่อไปเพราะ "การเผยพระวจนะด้วยความเชื่อทำให้อนาคตที่มองไม่เห็นชัดเจนขึ้นทันตา และมั่นใจที่จะเดินต่อไปในทางแห่งพระคริสต์"

เราทุกคนหวังใจในพระเจ้าผู้เป็นนิรันดร์ เรามิำได้เห็นพระเจ้าแต่ก็ยังรักในพระองค์ สิ่งนี้ทูตสวรรค์นั้นปรารถนาได้ดูจากเราเมื่อเราหวังใจในพระวจนะที่ไม่มีวันสูญสะลาย แม้แต่พวกทูตสวรรค์เองก็กำเนิดมาจากการที่พระเจ้าทรงตรัส(เผยพระวจนะ) และทูตสวรรค์เองก็เป็นผู้กระทำตามพระวจนะของพระเจ้า และมีส่วนที่ทำให้คำพยากรณ์ของผู้เผยพระวจนะบริสุทธิ์ของพระองค์นั้นสำเร็จเป็นอย่างดีอีกด้วย ในพระธรรมโรมบทที่ 8 ได้กล่าวว่า เมื่อเรายังไม่ได้รับสิ่งใด เราก็มีความหวังและรอคอยสิ่งนั้นให้บังเกิดขึ้น มิติแห่งความหวังนั้นจะถูกปลดปล่อยออกมาจากพระสัญญาแห่งพระวจนะโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในคำเผยพระวจนะ
ส่วนตัวของผมเอง ผมรักคำเผยพระวจนะในพันธะสัญญาเดิมมาก และเมื่อได้รับการเปิดเผยในขณะอ่านนั้น ผมสัมผัสได้ถึงความหวังใจที่พระวิญญาณของพระเจ้ายืนยันผ่านถ้อยคำเหล่านั้น เป็นสันติสุขที่ทำให้ผมมีกำลังและสามารถอดทนรอให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น จนบรรลุน้ำพระทัยของพระเจ้าได้ ผมเชื่อว่าผู้เชื่อหลายๆคนเคยได้รับคำเผยพระวจนะที่ดีๆเกี่ยวกับชีวิตของเราเอง อาจจะมีคนมาเผยกับเราหรือพระเจ้าอาจจะเป็นผู้ตรัสกับเราเอง แต่นอกเหนือจากคำเผยที่ดีๆที่เราได้รับนั้น เราต้องร่วมมือกับพระเจ้าจนกระทั้งบังเกิดในชีวิตจริงของเรา ตามน้ำพระทัยของพระเจ้าพระบิดาของเรา "ความหวังใจที่เรามีในพระเจ้าขับเคลื่อนเราให้กระทำตามน้ำพระทัยพระเจ้าจนสำเร็จตามคำเผยพระวจนะของพระองค์ได้"

ความเป็นผู้เผยพระวจนะแท้นั้นจะหักล้างความจำเจ ประเพณีนิยม นำใจคนมาสู่การสำนึกบาป และจะหักล้างทุกๆอย่างที่ขัดขวางเราให้ห่างออกจากพระเจ้า และสำแดงความรัก เสริมความเชื่อ ให้ความหวังใจ ผู้เผยพระวจนะแท้นั้นจะไม่นำคนมาเข้าเป็นพวกของตน แต่จะนำคนทั้งหลายให้วางชีวิตไว้ที่พระเจ้า Focus ที่พระเจ้า มุ่งมองที่พระองค์ ชมความงดงามของพระองค์ ผมเห็นคนที่มีวิญญาณผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จมากมายและได้รู้จักเขาด้วย คนเหล่านี้มีชีวิตที่น่าอนาถใจอย่างยิ่งเมื่อเขาอยากเป็นที่รู้จัีกอย่างแพร่หลายผ่านทางการยกย่องตนเอง ดึงคนเข้ามาหาตัวเอง ยุยงให้เกิดความแตกแยก และโลภเงินทอง หรือแม้แต่ชื่อเสียงที่เข้าเองมิได้เป็นคนก่อขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ คนเหล่านี้ตกหล่นไปจะพระคุณเสียแล้ว... ผมฝากท่านที่ได้อ่านทุกคน โปรดวิงวอนพระเจ้าเผื่อคนกลุ่มนี้ด้วย

การเผยพระวจนะในมิติแห่งความรัก ความเชื่อ และความหวังใจ มีความสำคัญอย่างมากในชีวิตของเราทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่พระเจ้าทรงเรียกให้เป็นผู้เผยพระวจนะของพระองค์ สิ่งนี้มิได้เกิดขึ้นจากการที่เราตั้งใจ แต่เกิดจากการที่พระเจ้าทรงตั้งใจ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คุณจะเป็นผู้นั้นที่รู้จักพระทัยพระเจ้าและใช้ชีวิตในหนทางของพระองค์ที่ทรงกำหนดไว้แก่เราแล้ว... เดินตามพระวิญญาณของพระองค์ แล้วพระองค์จะเรียกท่านว่าเป็นบุตรของพระองค์

"พันธกิจแห่งการเผยพระวจนะที่ดีนั้น คือ พันธกิจที่ประกาศความรักของพระคริสต์อยู่เสมอ และเสาะหาคนของพระเจ้าเพื่อที่จะช่วยให้เขาเติบโตในพระเจ้า"

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ1 สิงหาคม 2559 เวลา 09:24

    ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ1 สิงหาคม 2559 เวลา 09:31

      ขอบคุณนะคะ ทำให้เข้าใจมากขึ้นเยอะเลยค่ะ :)

      ลบ